คนไม่มีสิทธ์

ละออ

           "พี่หวัดดีค่ะ หนูได้ใส่ฟันใหม่มาแล้วนะ" เสียงทักอันดังอย่างแจ่มใสอย่างที่ไม่มีความพยายามที่จะปกปิดความลิงโลดในใจไว้เลย ทำให้เราต้องหยุดฝีเท้าที่กำลังก้าวเดินเพื่อหันไปหาที่มาของเสียงนั่นก็คือ "ละออ" หญิงวัยผู้ใหญ่ตอนปลายที่เราคุ้นเคยดี ละออกำลังส่งยิ้มโชว์ฟันชุดใหม่ที่ได้รับมาให้ดูแบบที่เรียกว่า ยิ้มจนปากจะฉีกถึงหูกันเลยทีเดียว สำหรับคนหลายๆ คนการทำฟันปลอมอาจไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรนัก แต่สำหรับคนที่มีชีวิตแต่ไร้ตัวอย่างละออนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย ละออต้องรอน้ำใจจากผู้บริจาคเงิน และการอนุเคราะห์จากทางโรงพยาบาล เธอถึงจะได้อุปกรณ์ในการบดเคี้ยวอาหารชุดใหม่...

         "ละออ" เป็นหญิงผิวคล้ำ รูปร่างผอม สูง ดวงตาโตรับกับคิ้วยาวหนา จมูกโด่ง โหนกแก้มสูง ผมสั้นหยักศก ละออพักอาศัยอยู่ที่บ้านพักฉุกเฉินมาเกือบ 4 ปีแล้ว ปัญหาเบื้องต้นที่ละออถูกส่งตัวมาอยู่ในความดูแลของบ้านพักฉุกเฉิน คือ เธอติดเชื้อ เอช ไอ วีและพยายามฆ่าตัวตาย แต่เมื่อสืบค้นไปถึงเรื่องเอกสารแสดงตน หรือบัตรประชาชน เราจึงได้ทราบถึงปัญหาใหญ่ที่ละออต้องเผชิญมาตลอดชีวิต นั่นคือ ละออไม่เคยได้รับการแจ้งเกิดและละออไม่มีพ่อแม่ญาติพี่น้องที่เราจะสามารถติดตามหาได้เลย นั่นส่งผลให้ละออไม่ได้รับสิทธิ์อย่างที่ประชาชนคนไทยควรจะมี ละออแจ้งว่าตนเอง เกิดที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่ละออจำความได้เธอก็ได้รับการเลี้ยงดูจากหญิงชราคนหนึ่งนามว่า "ยายจันทร์" ชีวิตของเธอมีความสุขดีเพราะยายจันทร์รักเธอเหมือนลูก แต่ชีวิตก็มาถึงจุดเปลี่ยนเมื่อโตเป็นสาววัย 16 ปี เธอถูกพี่ชายซึ่งเป็นลูกแท้ๆ ของยายจันทร์พยายามล่วงละเมิดทางเพศ ด้วยความหวาดกลัวบีบให้ละออต้องหนีออกจากบ้าน และทำงานรับจ้างล้างชามตามร้านข้าวต้มโต้รุ่งเพื่อหารายได้ประทังชีวิต จนวัยย่างเข้าเบญจเพศ ละออจึงได้พบกับชายคนหนึ่งเขามีอายุมากกว่าเธอ 6 ปี และเขามาชอบพอเธออยู่นานเป็นเดือนแล้วจึงชวนเธอไปอยู่ด้วยกัน โดยบอกกับเธอว่า

          "พี่ไม่อยากให้ละออทำงานและมีชีวิตอยู่แบบนี้ ไปอยู่กับพี่เถอะ พี่มีงานให้ทำและมีที่พักด้วย" ละออก็คิดว่าอยู่แบบนี้ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นเธอจึงยินยอมตามไปอยู่กับเขา จึงได้ทำงานเป็นแม่ครัวที่โรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งและพักอยู่ในที่ทำงานเลย ส่วนผู้ชายที่ชวนละออไปอยู่ด้วยเขาก็ทำงานเป็นพนักงานขับรถอยู่ที่เดียวกัน ละออคบหากับเขาเป็นเวลาเกือบปีจึงตัดสินใจที่จะอยู่กินกับเขาฉันท์สามีภรรยา เพราะในสายตาของลออเขาเป็นคนดี ไม่เที่ยว ไม่สุบบุหรี่ ดื่มเหล้าบ้างเมื่อเวลาเข้าสังคมและเขาก็ขยันขันแข็งดี ต่อมาละออตั้งท้องด้วยความที่ไม่มีบัตรประชาชนละออไม่เคยไปตรวจหรือฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลเลย จนกระทั่งคลอดลูกจึงไปคลอดที่โรงพยาบาล หลังคลอดสามวันก็กลับบ้านลูกก็มีสุขภาพแข็งแรงดี

          ชีวิตครอบครัวของละออที่อยู่กับสามีมาเป็นเวลาเกือบ 5 ปี มีความสุขดีไม่เคยมีเรื่องทะเลาะตบตีในครอบครัวเลย… และไม่ได้มีอะไรบ่งบอกให้รู้ล่วงหน้าได้เลยว่า พายุใหญ๋กำลังจะพัดพาสิ่งเลวร้ายเข้ามาในชีวิตเธอ

          ในเช้าวันหนึ่งมีเสียงดัง "โครม!" ดังมาจากด้านหน้าที่พักละออจึงรีบวิ่งออกไปดูแล้วจึงพบร่างของสามีนอนหมดสติกองอยู่ตรงนั้น ท่ามกลางข้าวของที่ล้มระเนระนาด

          "พี่ๆเป็นอะไร... พี่ๆ" ละออร้องเรียกสามีพร้อมทั้งจับร่างเขาเขย่า แต่เขาก็ไม่ฟื้น เธอจึงนำเขาส่งโรงพยาบาลทุกอย่างเกิดรวดเร็วเสียเหลือเกิน สามีของละออนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นเวลา 7 วัน แล้วเขาก็จากไปอย่างไม่มีวันกลับโดยแพทย์แจ้งว่าวายร้ายที่ชื่อ "วัณโรค" เป็นผู้พรากสามีไปจากเธอ ระหว่างทำจิตใจให้เข้มแข็งเพื่อพาลูกน้อยต่อสู้กับโลกใบนี้ต่อไป "แมะ แมะ" คือคำแรกของลูกที่ส่งเสียงเรียกเธอมันทำให้ละออยิ้มได้ แต่ชีวิตบางครั้งก็โหดร้ายได้หลายๆ ครั้ง ลูกน้อยวัย 2 ขวบของละออเริ่มล้มป่วย กินอะไรก็ไม่ได้ เมื่อพาไปโรงพยาบาลก็ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้ การตายของลูกครั้งนี้หมอบอกว่าเพราะเป็นโรคภูมิแพ้

          "พอลูกตายหนูก็เสียศูนย์ อยู่ที่เดิมก็รู้สึกแย่ อยู่ไม่ได้แล้ว... มันไม่เหลืออะไรในชีวิตเลย" หลังจากนั้นละออก็ออกเร่ร่อนจนมีคนสงสารจึงให้ที่พักกับละออโดยให้เธอทำงานรับซื้อของเก่า แต่โรคร้ายในร่างกายของละออก็ไม่ปล่อยให้ละออได้ใช้ชีวิตอย่างปกติได้นานละออเริ่มมีอาการป่วยกระเซาะกระแซะ อ่อนเพลีย ไม่มีแรง จึงไปหาหมอ หมอได้นัดตรวจเสมหะ 3 วัน และเจาะเลือด 2 ครั้ง ในผลการตรวจเสมหะพบว่าละออเป็นวัณโรค ซึ่งถ้ากินยาควบคุมตามหมอสั่งเดี๋ยวเธอก็หาย แต่หลังจากเจาะเลือดครั้งสุดท้าย หมอได้เรียกละออไปคุยและถามคำถามแปลกๆ กับละออว่า

          "สบายใจขึ้นหรือยัง... ถ้าหมอจะบอกอะไรบางอย่างจะรับได้ไหม"

          "หนูทำใจรับได้" ละออตอบออกไปอย่างที่ไม่ค่อยเข้าใจในท่าทางที่ดูลำบากใจของหมอเท่าใดนัก และเธอก็คิดว่าเธอผ่านเรื่องร้ายๆ มาเยอะแยะแล้ว มันคงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้

          "เจอเชื้อ เอช ไอ วี เอดส์ ติดมานานแล้วนะแต่เพิ่งออกอาการ" เมื่อประโยคนี้หลุดออกมาจากปากของคุณหมอ ละออรู้ได้ทันที่ว่าที่เธอบอกหมอไปก่อนหน้านี้ว่าเธอรับได้นั้นเธอโกหก... จริงๆ แล้วเธอรับไม่ได้... ละออจึงตัดสินใจไปกระโดดน้ำตายที่สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ละออมีความพยายามที่จะกำจัดตัวเองออกจากโลกใบนี้ถึงสามครั้ง ครั้งแรกมีหน่วยกู้ภัยมาช่วยไว้ขณะที่ยืนอยู่บนขอบสะพาน แล้วนำส่งที่สถานีตำรวจ หลังจากตำรวจปล่อยให้กลับบ้านละออก็กลับมาพยายามในครั้งที่สอง แต่เป็นช่วงกลางวันผู้คนพลุกพล่านเกินไปเธอเกรงว่าจะมีคนเห็น และแจ้งหน่วยกู้ภัยมาช่วยไว้ได้อีก ละออจึงกลับมาที่พักรอเวลาเที่ยงคืนเธอกลับไปที่สะพานนั้นอีกครั้ง ครั้งที่สามนี้ละออเตรียมความพร้อมมาเป็นอย่างดีก่อนไปละออได้กินยาแก้แพ้ไปประมาณ 20 เม็ดเพื่อช่วยให้ง่วงแล้วหลับไปเลย ไม่ทรมาน เธอเล่าวินาทีชีวิตที่โดดลงไปจากสะพานว่า "โดดลงไปแล้ว ไม่มีความกลัวแล้ว รู้สึกตัวหมุนคว้างแล้วสักพักก็รู้สึกคล้ายมีมือมารองรับแล้วดึงลงไปใต้น้ำก่อนที่จะผลักขึ้นด้านบนอย่างแรงแล้วก็มีห่วงมาลากตัวขึ้นเรือ" หลังจากนั้นละออสลบไปมาฟื้นอีกครั้งก็พบว่าตนเองอยู่ที่โรงพยาบาล พอรู้สึกตัวก็บอกกับตัวเองว่า "เออ... ยังไม่ตาย... แล้วก็หลับไปอีก" เมื่อความพยามที่จะตายของละออประสบกับความล้มเหลว ดังนั้นชีวิตของละออจึงต้องดำเนินต่อไป เธอแจ้งกับนักสังคมสงเคราะห์ที่โรงพยาบาลว่า เธอไม่มีญาติและไม่มีบ้านให้กลับ เขาจึงส่งละออไปพักฟื้นยังสถานสงเคราะห์สำหรับผู้ป่วยติดเชื้อ เอช ไอ วี ที่มีอาการหนัก จนผ่านไป 2-3 สัปดาห์ ละออมีอาการดีขึ้นสามารถเดินและทำกิจวัตรประจำวันได้เอง ทางโรงพยาบาลจึงไปรับและพาละออมาส่งที่บ้านพักฉุกเฉิน

          "ถ้าหนูไม่ได้มาอยู่บ้านพักฉุกเฉินหนูก็จะต้องไปตายอีกให้ได้ เพราะถ้าไม่ตายหนูจะอยู่ยังไง… ที่บอกหมอว่ารับได้น่ะจริงๆ แล้วโกหกหมอด้วยความอยากรู้ พอรู้จริงๆ ว่าเป็นโรคนี้ก็รับไม่ได้... พี่คิดดูนะหนูไม่มีเอกสาร บัตรประชาชนก็ไม่มี แค่โรคธรรมดาหนูยังไม่มีปัญญา นี่เป็นตั้งโรคนี้มันต้องไปหาหมอตลอด แล้วหนูจะอยู่ยังไง ตอนที่เป็นวัณโรคเงินค่ารถไปรับยาหนูยังไม่มีเลยต้องเดินไป แถมหมอสงสารยังให้เงินค่ารถเวลาไปรับยาอีกเพราะหมอกลัวหนูขาดยา... แฟนกับลูกหนูก็ตายไปแล้วหนูก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม... สิทธิ์อะไรอย่างที่คนอื่นเขามีกันหนูก็ไม่มี... บางทีหนูก็คิดอย่างขำๆ นะว่าขนาดจะตายยังไม่มีสิทธิ์เลย..."

หากผู้หญิงและเด็ก ท่านใดประสบปัญหาในชีวิต เช่น ความรุนแรงในครอบครัว ท้องไม่พร้อม ถูกข่มขืน หรือติดเชื้อ เอช ไอ วี สามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือได้ที่ สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ บ้านพักฉุกเฉิน 501/1 ซ.เดชะตุงคะ 1 ถ.เดชะตุงคะ แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ 10210 โทรศัพท์ 0 2929 2222 ตลอด 24 ชม. อีเมลล์: knitnaree@hotmail.com และ ในกรณีที่ท่านต้องการให้ความช่วยเหลือผู้หญิงและเด็กในบ้านพักฉุกเฉินสามารถติดต่อได้ที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ และหาทุน โทร. 0 2929 2301-3 ต่อ 109,113 หรือ 0 2 929 2308 อีเมลล์: admin@apsw-thailand.org

Facebook: สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯบ้านพักฉุกเฉินดอนเมือง www.facebook.com/apswthailand.org หรือ สามารถดูข้อมูลรายละเอียดผ่านทางเว็บไซด์สมาคม www.apsw-thailand.org