ไม่ใช่สเปก

Base on true story by บ้านพักฉุกเฉิน สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ

        “นี่น้องนิ่ม... โฟมน่ะเขาให้กรอกเข้านะไม่ใช่กรอกออก” เสียงอาจารย์สอนฝึกอาชีพบอกกับหญิงสาวผิวคล้ำ รูปร่างเล็กกว่าภูเขาเล็กน้อย เมื่อถูกทักหญิงสาวเจ้าของชื่อก็หันหน้ามาส่งยิ้มตาหยีโชว์ฟันสามสิบสอง ซี่ให้อาจารย์และยังคงก้มหน้ากรอกเม็ดโฟมใส่ในหมอนต่อไป ซึ่งเม็ดโฟมเหล่านั้นก็ยังคงหล่นออกมาภายนอกหมอนอยู่เช่นเดิม

       “นิ่มเอ้ย... โฟมออกมาข้างนอกได้สามโลแล้วมั้งเนี่ย...” อาจารย์คนเดิมพูดยิ้มๆ พร้อมกับส่ายหัวด้วยความขบขันและเอ็นดู นิ่มก็ยังคงส่งยิ้มอย่างเปิดเผยให้อาจารย์พร้อมมือที่กรอกโฟม(ออก) อย่างสม่ำเสมอต่อไป

        แรกที่พบนิ่มนั้นเธอมีชื่อเสียงเลื่องลือด้านความดื้อ หากไม่ได้ดั่งใจนิ่มจะกรี๊ดและลงชักดิ้นชักงอที่พื้นทันทีกว่าจะสงบลงก็ต้องรอให้เหนื่อยและหยุดไปเอง การพูดคุยด้วยเหตุผลจะใช้ไม่ได้เลยกับนิ่ม เราเคยได้เห็นนิ่มชักและกรีดร้องอย่างเจ็บปวดสาหัสจนกอเข็มที่ปลูกไว้บริเวณริมบันไดบ้านพักหักราบเป็นหน้ากลองมาแล้ว นั่นเพียงเพราะนิ่มทำผิดและถูกเจ้าหน้าที่หักเงินค่าขนมไปสามบาทจากสิบบาท...

        บ้านพักฉุกเฉินเคยส่งนิ่มไปตรวจทางจิตวิทยา ในการส่งตรวจครั้งแรกไม่ประสบผลสำเร็จน้องนิ่มไม่ร่วมมือ จึงต้องรอทำนัดในครั้งต่อไป... ในการไปทำการทดสอบครั้งที่สองเจ้าหน้าที่เอาใจน้องนิ่มสารพัดอยากกินอะไรให้บอกจะซื้อให้กินทุกสิ่งอย่าง... วันนั้นนิ่มจึงอารมณ์ดีให้ความร่วมมือในการทำแบบทดสอบได้ดีพอสมควร... นั่นเพราะถ้าวันนี้ไม่ดื้อพี่เจ้าหน้าที่จะพาไปกินของอร่อยอีกนั่นเอง ผลจากการทำแบบทดสอบทางจิตวิทยาพบว่า ความสามารถทางเชาว์ปัญญาของนิ่มอยู่ในระดับปัญญาอ่อนเล็กน้อย มีความบกพร่องแทบทุกด้านโดยเฉพาะความสามารถในการเข้าใจเหตุผลและกติกาของสังคมรวมทั้งความอดทน อีกทั้งนิ่มเหมาะที่จะเรียนในระดับประถมศึกษาและส่งเสริมในด้านการฝึกอาชีพต่อไป นิ่มเรียนจบชั้นป.6 อย่างทุลักทุเล หลังจากนั้นจึงออกมาฝึกอาชีพต่อที่ศูนย์การศึกษาและฝึกอาชีพของสมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ... นิ่มเป็นเด็กที่กินง่ายนอนง่ายปกติแล้วนิ่มจะขอไปนอนกับเจ้าหน้าที่เวรกลางคืนเพื่อจะดูละครหลังข่าว แต่นิ่มมักจะหลับไปก่อนละครจะมาเสมอ แต่นิ่มเป็นคนนอนร้ายเพราะเธอนอนดิ้นตั้งแต่หน้าทีวีไปจนถึงหน้าประตูห้อง ทุกคนจึงต้องเว้นที่ให้เธอนอนแบบไม่กล้าเข้าใกล้ มิฉะนั้นตื่นมาอาจจะมีเคล็ดขัดยอกกันได้... วิวัฒนาการการเจริญเติบโตของนิ่มนั้นจะมีความเป็นเด็กยาวนานกว่าเด็กคนอื่นๆ เพื่อนเล่นรุ่นแล้วรุ่นเล่าของนิ่มต่างก็โตเป็นสาวกันไปหมด นิ่มจึงต้องลดตัวอันโตลงไปเล่นกับเด็กน้อยในบ้านเด็กรุ่นต่อๆ ไป ด้านวุฒิภาวะทางอารมณ์ของนิ่มก็เช่นเดียวกันเพราะเรียนจะจบ ป.6 อยู่แล้วนิ่มก็ยังสามารถชักดิ้นชักงอได้ทุกที่ตามวาระโอกาสที่นิ่มถูกขัดใจ

        เรื่องที่น่าหนักใจและเป็นที่กังวลสำหรับแม่ของนิ่มและเจ้าหน้าที่คือ ความที่นิ่มมีสติปัญญาที่บกพร่องนั้นนิ่มจะถูกล่อลวงและไม่สามารถดูแลตนเองจากภัยต่างๆ ได้ ดังนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้พานิ่มไปปรึกษากับจิตแพทย์และนักจิตวิทยา ซึ่งเห็นควรว่าด้วยระดับสติปัญญาเพียงเท่านี้ควรที่จะคุมกำเนิดโดยการทำหมันแบบถาวร... ซึ่งหลังจากที่นิ่มทำหมันแล้วสิ่งที่พวกเรากังวลก็เกิดขึ้นเพราะเมื่อมีช่างก่อสร้างมาทำงานใกล้ๆ กับบ้านพักฉุกเฉินนิ่มก็มักจะหายไปจากห้องฝึกอาชีพและหายไปจากบ้านพักฯ เมื่อตามหาจะพบว่านิ่มมายืนอยู่ข้างรั้วของสมาคมฯ สายตานั้นจับจ้องอยู่ที่ช่างก่อสร้างที่อยู่อีกด้านหนึ่งของรั้ว นิ่มจะมีความอดทนอย่างสูงมากเธอจะสามารถยืนจ้องช่างก่อสร้างอยู่ได้ทุกวันตั้งแต่เช้าจนตกเย็น และแน่นอนว่าทุกพฤติกรรมของนิ่มอยู่ในสายตาของเจ้าหน้าที่บ้านพักฉุกเฉินอยู่ตลอดเวลา แม้เวลานอนยังต้องให้นิ่มมานอนด้วยทุกคืนเพื่อความหมดห่วง อีกทั้งยังต้องไปพูดคุยกับหัวหน้าคนงานให้เข้าใจและช่วยกันเป็นหูเป็นตาเฝ้าระวังตักเตือนคนงาน จนไม่มีคนงานก่อสร้างที่กล้าเข้ามามายุ่งกับนิ่มแต่นิ่มก็ยังคงมาด้อมๆ มองๆ ดูคนงานพวกนี้อยู่เสมอๆแล้วปัญหานี้ก็ผ่านไปเมื่อการก่อสร้างนั้นเสร็จและคนงานพวกนั้นก็จากไป แต่ถ้ามีช่างก่อสร้างชุดใหม่เข้ามานิ่มก็จะเป็นเช่นเดิมทุกครั้ง... ซึ่งจากการปรึกษากับนักจิตวิทยาทำให้เราเข้าใจนิ่มได้ว่าที่นิ่มเป็นแบบนั้นเพราะว่าเมื่อสมองในส่วนความสามารถทางด้านสติปัญญา การคิดใคร่ครวญเหตุผลทำงานน้อย จึงส่งผลให้การควบคุมสัญชาติญาณหรือแรงขับต่างๆ นั้นลดน้อยลงด้วยซึ่งนั่นก็รวมถึงแรงขับทางเพศ... ซึ่งผู้ปกครองจะต้องดูแลอย่างเข้าใจและใส่ใจ

        นิ่มอยู่ในความดูแลของบ้านพักฉุกเฉินตั้งแต่เธอเป็นเด็กหญิงตัวน้อยที่อายุเพียง 5 ขวบ ซึ่งตอนนี้ก็ผ่านมาได้กว่า 17 ปีแล้ว ...แม่ของนิ่มได้พานิ่มและน้องสาวต่างพ่อมาอยู่ในความดูแลของบ้านพักฉุกเฉินด้วยปัญหาติดเชื้อ เอช ไอ วี จากสามี น้องสาวของนิ่มนั้นเป็นเด็กฉลาดแต่ว่าโชคร้ายที่กลับติดโรคร้ายจากมารดาน้องของนิ่มจึงมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้เพียงสี่ปีก็จากแม่และนิ่มไป... ส่วนนิ่มนั้นมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงดีเพราะเธอเกิดจากสามีคนแรกของแม่ที่ได้ทอดทิ้งนิ่มและแม่ไป... แต่นิ่มก็ไม่ได้โชคดีมากนักเพราะพ่อเลี้ยงที่เอาเชื้อโรคร้ายมาติดแม่และถ่ายทอดมาให้น้องของเธอก็มักทำร้ายร่างกายนิ่มเสมอทั้งด่าทอ, ทุบตีและจับกดน้ำจนสมองของนิ่มขาดอากาศไปหลายนาทีนี่ก็อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้นิ่มมีภาวะทางสติปัญญาที่บกพร่อง... นี่ก็คือปัญหาของความรุนแรงในครอบครัวที่เด็กต้องมาตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงจากคนใกล้ตัว

        ทุกวันนี้นิ่มจะทำงานฝึกอาชีพ พับถุงใส่ตุ๊กตาการบูร กรอกเม็ดโฟมใส่หมอน สลับกับการช่วยเลี้ยงเด็กในศูนย์เลี้ยงเด็กอ่อนและช่วยงานบ้าน และหากถูกขัดใจหรือไม่ได้ดั่งใจนิ่มจะไม่ลงไปชักดิ้นชักงอและร้องโหยหวนอีกแล้ว แต่ถ้ามีช่างก่อสร้างมาอยู่ในระยะมองเห็นได้เมื่อไรก็จะสามารถตามตัวนิ่มได้ที่นั่นเช่นเดิม เจ้าหน้าที่ก็เคยสอบถามนิ่มอยู่เหมือนกันว่าทำไมไม่เห็นสนใจผู้ชายที่ทำงานอย่างอื่น เช่น นักกีฬาที่มาซ้อมกีฬา แขกที่มาดูงานมาประชุม ซึ่งนิ่มได้ตอบให้เราได้สิ้นสงสัยกันเลยทีเดียวว่า “ไม่ใช่สเปก”

        นี่จึงเป็นอีกเหตุหนึ่งที่บ้านพักฉุกเฉินไม่สามารถปล่อยให้นิ่มออกไปเผชิญโลกภายนอกเพียงลำพังได้แม้อายุของนิ่มตอนนี้จะบรรลุนิติภาวะแล้วก็ตาม

หากผู้หญิงและเด็ก ท่านใดประสบปัญหาในชีวิต เช่น ความรุนแรงในครอบครัว ท้องไม่พร้อม ถูกข่มขืน หรือติดเชื้อ เอช ไอ วี สามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือได้ที่ สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ บ้านพักฉุกเฉิน 501/1 ซ.เดชะตุงคะ 1 ถ.เดชะตุงคะ แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ 10210 โทรศัพท์ 0 2929 2222 ตลอด 24 ชม. อีเมลล์: knitnaree@hotmail.com และ ในกรณีที่ท่านต้องการให้ความช่วยเหลือผู้หญิงและเด็กในบ้านพักฉุกเฉินสามารถติดต่อได้ที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ และหาทุน โทร. 0 2929 2301-3 ต่อ 109,113 หรือ 0 2 929 2308 อีเมลล์: admin@apsw-thailand.org

Facebook: สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯบ้านพักฉุกเฉินดอนเมือง www.facebook.com/apswthailand.org หรือ สามารถดูข้อมูลรายละเอียดผ่านทางเว็บไซด์สมาคม www.apsw-thailand.org