พยานรัก พยานร้าย

Base on true story by บ้านพักฉุกเฉิน สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ

“ฉาย” เป็น แม่ ของ “ป่าน” ...ฉายอายุ 28 ปี ส่วนป่าน อายุ 13 ปี สถานพยาบาลของรัฐประจำจังหวัดแห่งหนึ่งส่งทั้งสองคนมาอยู่ที่บ้านพักฉุกเฉิน ด้วยปัญหาหลัก คือ ป่านถูกพ่อเลี้ยงข่มขืน อย่างที่กล่าวเมื่อมีปัญหาหลักย่อมต้องมีปัญหารอง... ปัญหารองของฉายและป่านคือ ฉาย ป่วยติดเชื้อ เอช ไอ วี สำหรับคนอื่นการป่วยติดเชื้อ เอช ไอ วี คงเป็นปัญหาใหญ่แต่สำหรับฉายแล้วยังมีเรื่องอื่นที่หนักหนากว่า...

เมื่อรื้อฟื้นไปถึงอดีตแล้วเราจะพบว่า เมื่อฉายเลิกกับพ่อของป่าน แล้วญาติข้างพ่อของป่านเป็นผู้รับเลี้ยงดูแลป่านมาก่อน ป่านก็ถูกล่วงละเมิดทางเพศจากลูกพี่ลูกน้องที่นั่น ฉายจึงไปรับตัวป่านมาดูแลด้วยตนเองและเหตุการณ์ที่ไม่ได้แตกต่างกันก็เกิดขึ้นกับป่านอีก... ฉายต้องเปลี่ยนสามีใหม่หลายคน... สาเหตุของการที่ต้องเปลี่ยนสามีเพราะสามีของฉายต่างก็กระทำการล่วงละเมิดทางเพศต่อป่านแทบทุกคน

ฉาย หญิงสาวใบหน้าเหลี่ยม โหนกแก้มสูง หน้าตาคมเข้ม ผิวคล้ำ ผมตรงยาวเคลียไหล่ ส่วนสูงก็ตามมาตราฐานหญิงไทยทั่วไป .พื้นเพเดิมของเธอเป็นชาวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เธอเติบโตมาจากครอบครัวที่แตกแยกพ่อไปทางแม่ไปทาง และเธอก็ต้องดิ้นรนทำมาหาเลี้ยงตนเอง ฉายเป็นแม่ตั้งแต่อายุยังน้อย 15 ปี นิสัยส่วนตัวของฉายคือ เอาแต่ใจตนเอง และอารมณ์ร้อน

ป่าน ผู้เป็นลูก ถอดแบบรูปร่างหน้าตามาจากฉาย ผู้เป็นแม่ เธอเป็นเด็กที่มีลักษณะพฤติกรรมที่ดื้อเงียบ ก้าวร้าว เอาแต่ใจและต่อต้าน โดยเฉพาะกับแม่ของตนเอง

ฉายและป่าน มีปัญหาความสัมพันธ์ ป่านมักต่อต้านฉาย หลายครั้งที่ป่านทำท่ารับฟังฉายแต่ก็แค่ฟังเพราะป่านไม่คิดจะปฏิบัติตามเลย และหลายครั้งที่ทั้งฉายและป่านทะเลาะถกเถียงและด่าทอกัน บ่อยครั้งที่นักสังคมสงเคราะห์ต้องให้แม่ลูกคู่นี้แยกกันอยู่เป็นระยะๆ ...และจุดแตกหักก็มาถึงเมื่อผู้เป็นแม่บันดาลโทสะถึงขั้นตบตีลูก และป่านผู้เป็นลูกสาวได้ตอบโต้คนเป็นแม่ด้วยประโยคอันเผ็ดร้อนที่ทำเอาทั้งคู่น้ำตานองหน้า

“..หนูเกลียดแม่ ...แม่ไม่เคยรักหนูจริงไม่เคยอยู่ข้างหนูเลย ...แม่มีผัวกี่คนหนูก็จะแย่งมาให้หมด...”

“ ลูกเนรคุณ ” …ฉายหลุดปากออกมาด้วยความเจ็บปวดเช่นกัน

นี่อาจเป็นการตอบโต้กันทางอารมณ์ เป็นการประชดประชัน และแอบแฝงไปด้วยความจริงที่ซ่อนอยู่ในหลุมลึกด้านมืดของจิตใจของทั้งสองคน เป็นรอยร้าวที่คงแอบแฝงซ่อนเร้นมานานแล้วเพื่อรอเวลาปริแตก ช่างเป็นอีกหนึ่งของความสัมพันธ์ในเชิง... ทั้งรักทั้งเกลียด... ด้านหนึ่งคือ ความรักความผูกพัน ด้วยความเป็นแม่เป็นลูกเป็นสายสัมพันธ์ที่ตัดอย่างไรก็ไม่ขาด แต่ก็ยังมีอีกด้านหนึ่งคือ ความเกลียดชัง ในมุมมองของป่านนั้นเกลียดที่แม่รักแต่สามีใหม่ของตนเองและมีใหม่ไม่ยอมหยุดทั้งที่ผู้ชายพวกนั้นก็มีอะไรกับลูกสาวของตัวเอง ป่านช่างเป็นเด็กที่น่าสงสารเพราะยามที่เธอถูกกระทำ ถูกทำร้าย มาหลายต่อหลายครั้งเธอไม่เคยได้รับการปกป้องจากใครเลย ป่านเติบโตมาด้วยความรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้าง ไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่ต้องการ... ส่วนฉายผู้เป็นแม่ก็เติบโตมาจากการต่อสู้ดิ้นรนเพียงลำพังและโหยหาความรัก... เมื่อได้มาอยู่ด้วยกันแทนที่แม่ลูกที่ขาดจะมาเติมเต็มส่วนขาดของกันและกันแต่ฉายกลับแบ่งความรักไปให้กับผู้ชายอื่นที่ก็ไม่ได้ซื่อสัตย์กับเธอ... ความรักที่ป่านต้องการจากแม่ไม่เป็นไปอย่างที่หวัง... ฉายผู้เป็นแม่ก็รับไม่ได้ที่ลูกสาวมามีอะไรกับสามีของตน ยิ่งคำบอกกล่าวของลูกสาวที่ว่าจะแย่งผัวของแม่ให้หมดทุกคนก็ตอกย้ำความคลางแคลงสงสัยของฉายมาโดยตลอด... แม่ลูกผู้ที่มีความรู้สึกทั้งรักทั้งเกลียดจึงต่างต้องสับสนและเจ็บปวดทั้งสองฝ่าย…

...ฉายและป่าน จึงต้องเข้าสู่กระบวนการบำบัตจิตใจ ฟื้นฟูความสัมพันธ์ ทั้งพบนักจิตวิทยาและจิตแพทย์ ป่านต้องเข้าคอร์สดูแลฟื้นฟูจิตใจสำหรับเด็กที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ... และก็ต้องยอมรับความจริงว่าผลของกระบวนการนั้นก็มีทั้งดีขึ้น แย่ลง หรือ ไม่เกิดอะไรเลย แต่ก็ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย ...ซึ่งในผลสุดท้ายของฉายและป่านก็ได้มาครบ นั่นคือ ดีขึ้นบ้าง แย่ลงบ้าง และอาจจะได้หรืออาจจะไม่ได้อะไรเลย ...

ฉาย ได้ออกไปทำงานภายนอกโดยนำป่านออกไปอยู่ด้วยกัน ฉายและป่านยังพากันแวะเวียนกลับมาที่บ้านพักฉุกเฉิน และบ้านพักฉุกเฉินก็ยังคงไปเยี่ยมที่พักของทั้งคู่ ผ่านไปเกือบปีความสัมพันธ์เหมือนจะราบรื่นดี... แต่ไม่นาน ก็ได้ทราบข่าวว่า ฉายมีสามีใหม่และใช้ชีวิตของตนเอง ป่านที่วัยเพียง 15 ปีก็ได้แยกตัวออกจากฉาย ป่านไปมีคนรัก และใช้ชีวิตของตนเอง ...

นี่คือบทเรียนจากชีวิตจริง และมีสาเหตุหลักมาจากการท้องไม่พร้อม ฉาย ผู้หญิงคนหนึ่งที่ขาดความรักจากบุพการี พยายามไขว่คว้าหาความรักความอบอุ่นการสัมผัสโอบกอดจากผู้เป็นพ่อแม่เมื่อไม่ได้ ก็หาจากคนอื่น จากผู้ชาย จากเพศสัมพันธ์ ซึ่งแม้สัมผัสการโอบกอดนั้นจะแตกต่างออกไป แต่ก็เป็นสิ่งที่เธอพอจะหาได้ เมื่อชีวิตคู่ที่ไม่มั่นคงทำให้ต้องเลิกรากันโดยที่ฝ่ายหญิงท้องตั้งแต่อายุยังน้อย ผลจึงตกกับเด็กที่เกิดมา ป่าน เด็กขาดความอบอุ่นผู้เติบโตมาท่ามกลางการดูแลตามยถากรรมของคนอื่น เด็กที่เมื่อมีแม่เข้ามาในชีวิตก็ต้องพยายามกอบโกยความรักจากแม่แท้ๆ ด้วยการเรียกร้องความสนใจแม้การกระทำนั้นจะผิดบาปแต่ถ้าทำให้ผู้เป็นแม่ละทิ้งคนอื่นแล้วหันมามอง มาสนใจ ลูกของตัวเองได้บ้างป่านก็จะทำ และวันหนึ่งเมื่ออ้อมกอดของแม่ที่ป่านต้องการไม่เป็นของเธออย่างที่หวัง ป่านก็หันเหไปหาอ้อมกอดของคนอื่นเช่นเดียวกัน…

สถาบันครอบครัวของสังคมไทยนั้นล้มเหลวเหลือเกิน... การมีชีวิตคู่เป็นเรื่องง่ายแต่การใช้ชีวิตคู่เป็นเรื่องยาก... เมื่อยากก็เลิกและหาใหม่อย่างง่ายดาย... และบาปจึงมาตกกับเด็กที่ผู้คนมักเรียกกันว่า“พยานรัก” ที่ต่อมาอาจกลายเป็น “พยานร้าย”...อย่างที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็คงคาดไม่ถึง ...ดังนั้นหากยังขาดความพร้อม สถานะความสัมพันธ์ของสามีภรรยายังง่อนแง่น สถานะทางการเงินก็ยังไม่มั่นคง การวางแผนครอบครัวและคุมกำเนิดเป็นวิธีที่ป้องกันปัญหาได้ดีที่สุดเพราะไม่ว่าจะอย่างไรการป้องกันปัญหาย่อมดีกว่าการมาตามแก้ไขปัญหาในภายหลัง... แม้แต่โจทย์คณิตศาสตร์ที่ทำผิดแล้วแก้ด้วยการลบก็ยังมีร่องรอยของการแก้ไข แล้วนี่ชีวิตคน จิตใจคนเมื่อเสียหายบูดเบี้ยวแม้จะทำการบำบัดเยียวยาก็ยังคงเป็นรอยแผลรอยร้าวลึกในใจซึ่งยากที่จะประสานให้กลับมาดังเดิม

หากผู้หญิงและเด็ก ท่านใดประสบปัญหาในชีวิต เช่น ความรุนแรงในครอบครัว ท้องไม่พร้อม ถูกข่มขืน หรือติดเชื้อ เอช ไอ วี สามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือได้ที่ สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ บ้านพักฉุกเฉิน 501/1 ซ.เดชะตุงคะ 1 ถ.เดชะตุงคะ แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ 10210 โทรศัพท์ 0 2929 2222 ตลอด 24 ชม. อีเมลล์: knitnaree@hotmail.com และ ในกรณีที่ท่านต้องการให้ความช่วยเหลือผู้หญิงและเด็กในบ้านพักฉุกเฉินสามารถติดต่อได้ที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ และหาทุน โทร. 0 2929 2301-3 ต่อ 109,113 หรือ 0 2 929 2308 อีเมลล์: admin@apsw-thailand.org

Facebook: สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯบ้านพักฉุกเฉินดอนเมือง www.facebook.com/apswthailand.org หรือ สามารถดูข้อมูลรายละเอียดผ่านทางเว็บไซด์สมาคม www.apsw-thailand.org