กลับไปหน้า Q&A

สารพันปัญหากับ ยาคุมกำเนิด

image
เรื่อง : alexlivfc@hotmail.com / อ้างอิงและขอบคุณข้อมูล จาก : เว็บไซด์คลินิกรัก www.clinicrak.com

Q: ยาคุมกำเนิด ช่วยไม่ให้ท้องได้ยังไงคะ?
Q: การกินยาคุมกำเนิดช่วยให้ไม่ท้อง 100% เลยหรือเปล่าคะ?
Q: พอกินยาคุมแล้วคลื่นไส้และมีเลือดออกกะปริดกะปรอย จะเป็นอันตรายไหมคะ?
Q: ยาคุมแบบ 21 เม็ด กับแบบ 28 เม็ด ต่างกันอย่างไร? ประสิทธิภาพเหมือนกันไหมคะ?
Q: เริ่มกินยาคุมอย่างไรจึงจะถูกวิธีที่สุด?
Q: ไม่สามารถเริ่มกินยาคุมเม็ดแรกได้ในวันที่ประจำเดือนมาวันแรก จะทำไงดี?
Q: หนูลืมกินยาคุม! ทำยังไงดี?
Q: หนูเพิ่งคลอดลูก กินยาคุมได้ไหมคะ?
Q: หนูว่ายี่ห้อที่กินอยู่ไม่ค่อยเวิร์คเลยค่ะ...อยากเปลี่ยนยี่ห้อเปลี่ยนได้เลยไหมคะ?
Q: ปกติคุมแบบใช้ฉีดค่ะ...แต่อยากเปลี่ยนมาเป็นกินยาแทนต้องทำไงคะ
Q: หนูกินยาอื่นอยู่ด้วยค่ะ ถ้ากินยาคุมเข้าไปอีกมันจะตีกันไหมคะ?
Q: หนูว่ากินยาคุมมันยุ่งยาก หนูใช้วิธีนับหน้า 7 หลัง 7 ดีไหมคะ?
Q: แฟนหนูเขาบอกว่า เขาใช้วิธีคุมกำเนิดแบบหลั่งข้างนอก ชัวร์ ไม่ต้องยุ่งยากด้วย จริงไหมคะพี่?



Q: ยาคุมกำเนิด ช่วยไม่ให้ท้องได้ยังไงคะ?

A: ยาคุมกำเนิดจะมีความเชี่ยวชาญพิเศษดังนี้ค่ะ

1. ยับยั้งไข่ตก เมื่อไข่ไม่ตก ก็ไม่มีไข่ให้อสุจิไปผสม ก็ไม่ท้อง
2. เปลี่ยนแปลงเยื่อบุโพรงมดลูก ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่เหมาะสมที่ไข่ที่ผสมแล้วจะฝังตัว
3. เปลี่ยนแปลงสภาพของมูกที่ปากมดลูก ให้เป็นด่าง และเหนียวข้นขึ้น ทำให้อสุจิผ่านเข้าไปในมดลูกได้ยาก
4. เปลี่ยนแปลงการเคลื่อนไหวของท่อนำไข่ ทำให้ไข่ที่ผสมแล้วเดินทางเร็ว ไปถึงมดลูกเร็วเกินไปจนไม่สามารถฝังตัวได้

Back to Top

Q: การกินยาคุมกำเนิดช่วยให้ไม่ท้อง 100% เลยหรือเปล่าคะ?

A: ไม่มีวิธีคุมกำเนิดวิธีไหนที่ให้ผล 100% (นอกเสียจากการไม่มีเพศสัมพันธ์) สำหรับการใช้ยาคุมกำเนิดถ้ากินยาอย่างถูกต้องสม่ำเสมอในผู้หญิง 1000 คน ยังอาจมีการตั้งครรภ์3คน (ร้อยละ 0.3) แต่ถ้ากินยาไม่ถูกวิธีและไม่สม่ำเสมอในจำนวนผู้หญิง 100 คนจะมีการตั้งครรภ์ได้ 7-8 ราย

Back to Top

Q: พอกินยาคุมแล้วคลื่นไส้และมีเลือดออกกะปริดกะปรอย จะเป็นอันตรายไหมคะ?

A: อาการข้างเคียงที่เกิดจากการทานยาคุมกำเนิดที่พบได้บ่อยๆคือ

1. คลื่นไส้ พบได้ร้อยละ 10-30 ของผู้เริ่มใช้ยา โดยเฉพาะการใช้ยา 3 แผงแรก
2. เปลี่ยนแปลงเยื่อบุโพรงมดลูก ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่เหมาะสมที่ไข่ที่ผสมแล้วจะฝังตัว
3. ปวดศีรษะ โดยเฉพาะช่วงที่ปลอดฮอร์โมน
4. เลือดประจำเดือนมาน้อยลง เมื่อกินยาไปนานๆ โดยเฉพาะชนิดที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนต่ำซึ่งผลข้างเคียงทั้งหมดนี้ไม่ได้มีอันตราย แต่ถ้ามีอาการต่อเนื่องไม่หายไปหรือเป็นมากขึ้นควรปรึกษาเภสัชกร หรือพบแพทย์

Back to Top

Q: ยาคุมแบบ 21 เม็ด กับแบบ 28 เม็ด ต่างกันอย่างไร? ประสิทธิภาพเหมือนกันไหมคะ?

A: ยาคุมกำเนิดทั้งสองแบบมีประสิทธิภาพเหมือนกัน เพียงแต่แบบ 28 เม็ดจะมีเม็ดแป้งหรือวิตามินธรรมดา ไม่มีฮอร์โมนอยู่ 7 เม็ด เพื่อป้องกันการลืมของผู้กินนั่นเอง เนื่องจากแบบ 21 เม็ดนั้นเมื่อหมดแผงต้องเว้นระยะ 7 วันจึงเริ่มเม็ดแรกของแผงต่อไปได้ แต่ถ้าเป็นแบบ 28 เม็ดเมื่อกินหมดแผงแล้วก็เริ่มแผงใหม่ต่อไปได้เลย

Back to Top

Q: เริ่มกินยาคุมอย่างไรจึงจะถูกวิธีที่สุด?

A: ให้เริ่มกินเม็ดแรกในวันแรกที่มีประจำเดือนมา หรือกินให้ตรงกับวันที่มีวันกำกับตรงกับวันที่ประจำเดือนมาวันแรก เช่น ประจำเดือนมาวันแรกคือวันอังคารก็ให้เลือกกินเม็ดที่มีคำว่าวันอังคารกำกับอยู่ และควรกินในเวลาเดียวกันหรือเวลาที่ใกล้เคียงกันทุกวันด้วยนะจ๊ะ

Back to Top

Q: ไม่สามารถเริ่มกินยาคุมเม็ดแรกได้ในวันที่ประจำเดือนมาวันแรก จะทำไงดี?

A: ไม่เป็นไรยังสามารถกินได้ในวันถัดๆไปแต่ต้องไม่เกินวันที่ 5 ของการมีประจำเดือน หรือในอีกกรณีหนึ่งที่จะสามารถเริ่มกินยาคุมเมื่อไรก็ได้ ก็ต้องมั่นใจว่าจะไม่มีโอกาสตั้งครรภ์จากการมีเพศสัมพันธ์ที่ผ่านมา และระหว่างที่กินยาคุม 7 เม็ดแรกให้งดการมีเพศสัมพันธ์หรือถ้าจะมีเพศสัมพันธ์ต้องใช้การคุมกำเนิดวิธีอื่นร่วมด้วย เช่น การใช้ถุงยางอนามัย

Back to Top

Q: หนูลืมกินยาคุม! ทำยังไงดี?

A: สาวขี้ลืม หรือความจำสั้นฟังทางนี้

    เมื่อลืมทานยาคุมกำเนิด การรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดให้ต่อเนื่องกันทุกวันเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะฮอร์โมนในยาจะไปยับยั้งการตกไข่ ดังนั้น หากลืมกินยาบ่อยๆ ก็อาจทำให้ตั้งครรภ์ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน 7 เม็ดแรกของแผงจะมีความสำคัญมาก ไม่ควรลืมในช่วงนี้
    หากลืม 1 เม็ด ให้รับประทานยาเม็ดนั้นทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่ถ้านึกได้ในวันรุ่งขึ้นก็ให้รับประทานยาเพิ่มเป็น 2 เม็ด ในเวลาเดิมที่เคยรับประทาน หากรับประทานยาเลย 12 ชั่วโมงจากการรับประทานปกติ ควรใช้ถุงยางอนามัยหรือวิธีอื่นๆ ร่วมด้วย อย่างน้อย 7 วัน
    หากลืม 2 เม็ดติดต่อกัน ให้รับประทานยาเพิ่ม เป็นวันละ 2 เม็ด ใน 2 วันถัดไป เช่น ถ้าลืมรับประทานยาในวันจันทร์กับอังคาร ในวันพุธก็รับประทาน 2 เม็ด และวันพฤหัสบดีก็รับประทาน 2 เม็ด จากนั้นก็รับประทานยาวันละเม็ดไปเรื่อยๆจนหมดแผง ควรใช้ถุงยางอนามัยหรือยาคุมกำเนิดวิธีอื่นๆร่วมด้วย อย่างน้อยช่วง 7 วันหลังลืมรับประทานเพื่อป้องกันการตังครรภ์
    หากลืมมากกว่า 2 เม็ดติดต่อกัน ให้หยุดยาคุมกำเนิดแผงที่รับประทานอยู่ หากมีเพศสัมพันธ์ช่วงนี้ต้องใช้ถุงยางอนามัย รอจนกว่าเลือดประจำเดือนจะมา แล้วรับประทานยาคุมกำเนิดแผงใหม่ในวันแรกที่ประจำเดือนมา กรณีนี้ ช่วง 15 วันแรกของยาแผงใหม่ นับว่าไม่ปลอดภัย ต้องใช้ถุงยางอนามัยหรือวิธีอื่นๆร่วมด้วย ลืมยาเม็ดที่ไม่มีฮอร์โมน (ยา 7 เม็ดสุดท้ายของยาคุมแบบ 28 เม็ด) ให้ทิ้งยาเม็ดที่ลืมนั้นไป แล้วก็รับประทานยาเม็ดในส่วนที่เหลือวันละ 1 เม็ดต่อไปจนหมดแผง แล้วเริ่มรับประทานยาแผงต่อไปได้ตามปกติไม่จำเป็นต้องใช้วิธีคุมกำเนิดอื่นๆ ร่วมด้วย หากทานยาเม็ดคุมกำเนิดแล้วไม่มีประจำเดือนมา ควรตรวจการตั้งครรภ์ก่อน หากไม่มีการตั้งครรภ์ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร เพื่อพิจารณาเปลี่ยนยาคุมกำเนิด

Back to Top

Q: หนูเพิ่งคลอดลูก กินยาคุมได้ไหมคะ?

A: โดยปกติหลังคลอดบุตร 6 สัปดาห์ไข่ก็จะตกเป็นครั้งแรก ดังนั้นจึงควรเริ่ม 4-6 สัปดาห์หลังคลอด แต่ถ้าเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ก็อาจเริ่มกินช้ากว่านี้ได้การใช้ยาในสตรีแม่ลูกอ่อนให้นมบุตรไม่ควรใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดรวม เพราะ ยาจะทำให้ปริมาณของน้ำนมลดลง ยาขับของทางน้ำนมได้บ้าง (แต่ยังไม่ทราบว่ามีผลอย่างไรต่อทารก) ดังนั้นควรใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดฮอร์โมนเดี่ยวขนาดน้อย (Minipills) และควรใช้วิธีการคุมกำเนิดวิธีอื่นร่วมด้วยในเดือนแรก (หรืออย่างน้อยใน 7 วันแรก) ที่เริ่มกลับมาใช้ยาใหม่... ถ้าไม่ได้ให้นมบุตร สามารถให้ได้ทันทีตามความต้องการไม่ว่าจะมีประจำเดือนมาหรือไม่

Back to Top

Q: หนูว่ายี่ห้อที่กินอยู่ไม่ค่อยเวิร์คเลยค่ะ...อยากเปลี่ยนยี่ห้อเปลี่ยนได้เลยไหมคะ?

A: ควรกินแผงเก่าต่อให้หมดแผงนะจ๊ะ...แล้วค่อยเปลี่ยน ถ้าเป็นแบบ 21 เม็ดกินหมดแล้ว เว้น 7 วันแล้วต่อแผงใหม่ ถ้าเป็นแบบ 28 เม็ดกินหมด 28 เม็ดแล้วต่อแผงใหม่ทันที ไม่ว่ายี่ห้อใหม่จะมีปริมาณฮอร์โมนเท่ากับแบบเก่าหรือไม่ก็ตาม

Back to Top

Q: ปกติคุมแบบใช้ฉีดค่ะ...แต่อยากเปลี่ยนมาเป็นกินยาแทนต้องทำไงคะ

A: ครบกำหนดฉีดวันไหนก็เปลี่ยนมาเริ่มกินเม็ดแรกวันนั้นเลย ไม่ต้องรอให้รอบเดือนมา การคุมกำเนิดก็ยังคงมีผลต่อเนื่อง

Back to Top

Q: หนูกินยาอื่นอยู่ด้วยค่ะ ถ้ากินยาคุมเข้าไปอีกมันจะตีกันไหมคะ?

A: ปฏิกิริยาระหว่างยาอื่นๆกับยาคุมกำเนิด อาจส่งผลในสองลักษณะ คือยาคุมกำเนิดลดประสิทธิภาพของยาอื่น และยาอื่นลดประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิด ซึ่ง ยาที่กินแล้วมีผลลดประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิดอย่างมีความสำคัญทางคลินิก ซึ่งทำให้เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ได้เนื่องจากยาเหล่านี้ส่งเสริมให้มีการทำลายฮอร์โมนในยาคุมมากขึ้น จึงทำให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายลดลงจนอาจไม่เพียงพอที่จะออกฤทธิ์คุมกำเนิด ยาเหล่านี้ ได้แก่

  • ยากันชัก Phenytoin,Phenobarbital,Phenobarbitone,Carbamazepines
  • ยาต้านวัณโรคบางชนิด ได้แก่ Rifampicin หรือยาในกลุ่มเดียวกัน Rifabutin
  • ยาต้านไวรัสเอดส์บางชนิด ได้แก่ กลุ่มProtease inhibitors
  • ยาฆ่าเชื้อรา Griseofulvin
  • ยาสมุนไพร St John's Wort (ในต่างประเทศใช้กินแก้ซึมเศร้า)

Back to Top

Q: หนูว่ากินยาคุมมันยุ่งยาก หนูใช้วิธีนับหน้า 7 หลัง 7 ดีไหมคะ?

A: สำหรับระยะปลอดภัย หน้า 7 หลัง 7 นั้น ข้อดี เป็นวิธีการคุมกำเนิดตามธรรมชาติ ร่างกายจึงไม่ต้องรับฮอร์โมน สังเคราะห์ ทำให้ไม่เกิดอาการข้างเคียงใดๆ ข้อเสีย วิธี การนับวันไข่ตกนี้จะมีประสิทธิผลสูงสุดก็ต่อเมื่อผู้หญิงคนนั้นมีประจำเดือน มาสม่ำเสมอ และจะมีประสิทธิผลน้อยลงในกรณีที่ประจำเดือนไม่มาสม่ำเสมอ มาสั้นบ้าง ยาวบ้าง… แม้ในรายที่ประจำเดือนมาสม่ำเสมอแล้วก็ตาม ประสิทธิผลของวิธีการนับวันตกไข่ตกก็ยังมีความผิดพลาดจากการเลื่อนเข้า ออกของประจำเดือนได้วิธีนี้ไม่แนะนำนะจ๊ะ... เพราะนอกจากจะไม่ชัวร์แล้ว ที่สำคัญคือวิธีนี้ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และเอชไอวีได้… ยืดอกพกถุงดีกว่าเยอะเลยนะจ๊ะ

Back to Top

Q: แฟนหนูเขาบอกว่า เขาใช้วิธีคุมกำเนิดแบบหลั่งข้างนอก ชัวร์ ไม่ต้องยุ่งยากด้วย จริงไหมคะพี่?

A: แฟนน้องนี่โบ (โบราณ) มากเลยนะจ๊ะ ใช้วิธีคุมกำเนิดที่ดึกดำบรรพ์มากตั้งแต่สมัยที่เขายังไม่คิดค้นถุงยางอนามัยเลย คนที่ใช้วิธีนี้แบบปกติๆแบบคนทั่วไป (ดึงออกมีทั้งทันและไม่ทัน) โอกาสพลาดและท้องมีจำนวน 19:100 ส่วนคนที่ใช้วิธีนี้แบบเคร่งครัดถูกวิธีคือเอาออกมาทันทุกครั้ง โอกาสพลาดและท้องมีจำนวน 4:100 ... ถ้าแฟนน้องถียงว่า "ไม่มีทางพลาด ชักทันอยู่แล้ว… ก็มันยังไม่ทันหลั่งมันจะท้องได้ยังไงเล่า" พี่จะชี้แจงให้ฟังนะจ๊ะว่ามันเป็นดังนี้… การควบคุมการหลั่งยังไม่ดีพอ มีสเปิร์มหลุดลอดไป และที่น้ำเมือกหล่อลื่นใสๆอ่ะนะ ที่จริงก็มีสเปิร์มปนอยู่ด้วยนะจ๊ะ... เพราะฉะนั้นก็ใช่ว่าจะปลอดภัยจริงๆ อย่างที่บอกว่าการหลั่งข้างนอกของฝ่ายชายเป็นวิธีคุมกำเนิดแบบโบร๊าณ… โบราณ... โอกาสพลาดมีค่อนข้างสูงและถือว่าเป็นการคุมกำเนิดที่ได้ผลน้อยที่สุดในบรรดา การคุมกำเนิดทุกชนิดแนะนำให้ใช้ถุงยางดีกว่านะจ๊ะ… ไม่ติดโรคด้วย

Back to Top