รักทรหด

สุดา

           สุดา หญิงวัยผู้ใหญ่ตอนปลาย รูปร่างผอม ผิวสองสี แต่ที่สะดุดตาผู้พบเห็นอย่างมากคือทรงผมของสุดาที่สั้นแบบไม่เป็นทรง และบางหย่อมก็เว้าแหว่งจนเห็นไปถึงหนังศีรษะ... ใบหน้าของสุดาเต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งวัย และริ้วรอยแห่งทุกข์ตรม สุดามาที่บ้านพักฉุกเฉินเพื่อหลบภัยจากสามีเป็นการชั่วคราว

         สุดามาจากครอบครัวที่ค่อนข้างมีฐานะ แต่ไม่ค่อยจะอบอุ่นเท่าใดนัก เพราะพ่อมีเมียน้อยและไม่ค่อยสนใจครอบครัว จนแม่เครียดคิดมากและป่วยทางจิต สุดาเรียนจบในระดับ ปวส.และได้ออกมาทำงานด้านเอกสารที่ธนาคาร จนอายุได้ 23 ปี จึงแต่งงานและจดทะเบียนสมรสกับแฟนที่คบหากันตั้งแต่สมัยเรียน เขาเป็นคนที่หน้าตาดี และได้เข้าทำงานที่รัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง หลังจากแต่งงานสามีต้องไปประจำอยู่ที่ต่างจังหวัด วันหยุดจึงจะกลับบ้าน สุดาและสามีมีบุตรด้วยกัน 3 คน ชีวิตครอบครัวที่อยู่กันคนละที่ไม่ค่อยมีความสุขเท่าใดนัก ภาระรับผิดชอบในครอบครัวมาตกอยู่ที่สุดาเพียงคนเดียวเพราะสามีเอาแต่กินเหล้าและสูบบุหรี่

          สุดาจำไม่ค่อยได้แล้วว่าเธอเคยมีความสุขในชีวิตคู่หรือไม่ เพราะตั้งแต่สุดาแต่งงานกับสามีก็มีปัญหาทะเลาะทุบตีกันอยู่ตลอดเวลา ประเด็นปัญหาก็จะเป็นเรื่องเงิน เขาก็ทำงานแต่เงินไม่เคยพอใช้เลย นอกจากจะไม่แบ่งเบาค่าใช้จ่ายในบ้านแล้ว เขาก็ยังมาไถเงินสุดาอยู่ตลอด ถ้าไม่ให้ก็จะโดนทำร้าย อย่างเบาะๆ ก็จะโดนตบหน้า…

          "ตบหน้านี่นับว่าเบานะ เคยโดนมาแล้วทุกรูปแบบเตะต่อย... ที่รุนแรงเขามาขอเงินแล้วไม่ให้ เขาก็เลยเอาขวดเบียร์ตีหัว จนหัวแตกต้องเข้าโรงพยาบาล" หลังจากถูกตีจนหัวแตก พ่อกับแม่รู้เรื่องก็ให้หย่ากับสามีโดยที่แบ่งลูกกัน สามีเอาลูกคนโตไปเลี้ยง ส่วนสุดาพาลูกอีกสองคนมาอยู่กับน้องสาว

          "ระหว่างนี้ก็ไม่ได้ทำงานอะไร หยุดอยู่บ้านเลี้ยงลูกแต่เขามาตามง้อตลอดจนเราใจอ่อน... คิดว่าเขาน่าจะคิดได้ เขาคงจะดีขึ้น ก็เลยไปจดทะเบียนสมรสและพาลูกกลับไปอยู่กับเขาอีก" เมื่อถามสุดาว่าหลังจากกลับมาอยู่กับเขาอีกเป็นอย่างไร

          "เฮ้อ!... เหมือนเดิมแหล่ะค่ะ... เขาก็กินเหล้าเมาเหมือนเดิม เงินไม่พอใช้เหมือนเดิม เราก็ต้องทน"

          เมื่อรายได้ไม่ค่อยพอใช้ สุดาก็ต้องหารายได้เสริมด้วยการสมัครขายตรงและเปิดร้านเสริมสวย พอสามีรู้เรื่องก็โกรธมาก เพราะเขาบอกให้สุดาอยู่บ้านเฉยๆ แต่สุดาไม่เชื่อ เขาก็เลยทุบตีสุดาจนหมดสติ... เมื่อถามถึงการใช้อาวุธสุดาจึงเล่าว่า

          "เขาไม่ต้องใช้อาวุธอะไรหรอก เขาเคยเรียนมวยมาก่อนเขาก็ซ้อมจนสลบไปเอง... ก็ยังดีนะที่เขาพาไปส่งโรงพยาบาล... ไม่รู้สึกตัวเป็นวัน ต้องให้น้ำเกลือ ลูกสาวคนกลางเป็นคนมาเฝ้าดูแล... ลูกคนนี้เขารักแม่เขาเห็นแม่ถูกพ่อตีตลอด"

          หลังจากเหตุการณ์นี้ สุดาก็ตัดสินใจแจ้งความและหย่ากับสามีอีกครั้ง... เราคนฟังสุดาเล่าคงสงสัยว่าสุดาจะกลับมาคืนดีกับสามีอีกหรือไม่... ซึ่งไม่ต้องสงสัยนานเพราะสุดาเล่าต่ออีกว่า

          "เขาก็มาง้ออีก คราวนี้เขาปรับปรุงตัวเลิกดื่มเหล้า และกลับมารับผิดชอบครอบครัวมาส่งเสียลูก สุขภาพเขาก็ไม่ค่อยดีแล้วมีโรคหลายอย่าง ก็เลยมีความหวังว่าเขาจะเปลี่ยนตัวเองได้ ก็เลยไปจดทะเบียนและกลับมาอยู่กับเขาอีก"

          ครอบครัวเป็นสุขได้เกือบปี สามีที่น่าจะปรับปรุงตัวได้แล้วก็กลับมาดื่มเหล้าอีก อ้างว่าเครียดเรื่องงาน และเมื่อเมาก็หึงหวงหาเรื่องทะเลาะวิวาท เพราะสุดาทำอาชีพเสริมต้องติดต่อค้าขาย และรู้จักกับคนมากหน้าหลายตา บางครั้งต้องไปค้างที่อื่นๆ ครั้งละ 2-3 วัน สามีก็ไม่พอใจ

          "ช่วงนี้เขาไม่ตีเราแล้ว แต่ว่าเขาจะด่าว่า บ่นห้ามไม่ให้เราคุยกับคนอื่น พอเขาโกรธมากๆ ก็จะขนของในบ้านไปทิ้งถังขยะ... จนวันหนึ่งมีคนมาหาที่บ้าน เขาถามว่า...ใครมาหามึง... แล้วเขาก็อาละวาดขว้างปาข้าวของเข้าใส่ทั้งกระถางต้นไม้ ทั้งขวดน้ำ จนลูกสาวทนไม่ได้ต้องโทรแจ้งตำรวจให้มาจับพ่อตัวเองแล้วเขาก็โดนคุมประพฤติไป" หลังจากนั้น สุดาขอหย่ากับเขาแต่เขาก็ไม่ยอม แต่ผ่านไปประมาณสองเดือนเขาก็ยอมหย่าให้สุดาเพราะเขาคิดว่าสุดามีชู้

          "พอเขายอมหย่าให้นี่ดีใจสุดๆ ไม่เสียใจเลยที่เขาด่าว่าเลวว่าชั่วและว่าเราคบชู้ ขอแค่เขายอมหย่าให้ก็พอใจแล้ว" มาถึงตรงนี้สุดาเล่าไปยิ้มไป

          แต่เรื่องราวก็เกือบจะกลับเข้าอีหรอบเดิมเพราะหลังจากหย่าขาดกัน คราวนี้สุดาได้ไปอาศัยอยู่ที่บ้านของน้องสาว ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสามีอีก เขาก็เลยมาตามง้อ ตามรังควานอยู่ตลอด จนน้องสาวบอกว่าจะให้ยืมเงินเพื่อหนีไปกรุงเทพฯ... แต่ยังไม่ทันที่จะไปไหนก็มาทราบว่าสามีป่วยแล้วไม่มีคนดูแล สุดาก็นึกถึงว่าเขาเป็นพ่อของลูกจึงพาเขาไปหาหมอและคอยดูแล แต่เขากลับมาจับสุดากร้อนผมจนสภาพดูไม่ได้ ลูกสาวมาเห็นก็รับไม่ได้... น้องสาวจึงให้เงินและให้หนีมากรุงเทพฯ ทันที

          "เรานะอุตส่าห์เห็นใจว่าป่วยก็ไปดูแลกลับมากร้อนผมเราอีก ไม่ไหวแล้ว ถ้ายังอยู่ที่นั่นมันก็ต้องมาตาม มาลากถูลู่ถูกัง ทำเหมือนกับเราเป็นคนคุก... ก็เลยตัดสินใจได้เสียที" สุดายังเล่าและถามคำถามทิ้งท้ายให้เราได้คิดอีกว่า "มารู้หลังจากแต่งงานแล้วว่าพ่อกับพี่ชายของเขาก็ชอบตีเมียเหมือนกัน เรื่องแบบนี้มันเป็นกรรมพันธุ์หรือเปล่าก็ไม่รู้เนอะ?"

          ชีวิตแต่งงานและความทรมานของสุดานั้นยาวนานเป็นเวลากว่า 20 ปี สุดาจดทะเบียนสมรสและหย่ากับสามีอยู่เป็นระยะๆ ซึ่งในแต่ละครั้งสุดาต้องถูกทำร้ายจนถึงขั้นล้มหมอนนอนเสื่อ ทั้งที่จริงๆ แล้วยังมีความรุนแรงทางใจและทางกายอื่นๆ อีก แต่เธอทำใจอดทนเพื่อความรักเพื่อครอบครัวและลูกเรื่อยมา... ชีวิตรักของสุดานั้นช่างทรหดจริงๆ

หากผู้หญิงและเด็ก ท่านใดประสบปัญหาในชีวิต เช่น ความรุนแรงในครอบครัว ท้องไม่พร้อม ถูกข่มขืน หรือติดเชื้อ เอช ไอ วี สามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือได้ที่ สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ บ้านพักฉุกเฉิน 501/1 ซ.เดชะตุงคะ 1 ถ.เดชะตุงคะ แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ 10210 โทรศัพท์ 0 2929 2222 ตลอด 24 ชม. อีเมลล์: knitnaree@hotmail.com และ ในกรณีที่ท่านต้องการให้ความช่วยเหลือผู้หญิงและเด็กในบ้านพักฉุกเฉินสามารถติดต่อได้ที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ และหาทุน โทร. 0 2929 2301-3 ต่อ 109,113 หรือ 0 2 929 2308 อีเมลล์: admin@apsw-thailand.org

Facebook: สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯบ้านพักฉุกเฉินดอนเมือง www.facebook.com/apswthailand.org หรือ สามารถดูข้อมูลรายละเอียดผ่านทางเว็บไซด์สมาคม www.apsw-thailand.org