ส่วนเกิน

Base on true story by บ้านพักฉุกเฉิน สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ

“วดี” สาวน้อยผิวขาว หน้าตาน่ารัก วัย 17 ปี วดีก็เป็นเพียงเด็กสาวธรรมดาคนหนึ่งที่ไฝ่ฝันอยากจะมีชีวิตครอบครัวที่อบอุ่นเหมือนกับคนอื่นๆ แต่ในความเป็นจริงชีวิตของวดีก็ไม่ได้เป็นอย่างที่ฝันเพราะพ่อแม่ของวดีแยกทางกันตั้งแต่วดีอายุได้เพียง 6 เดือน หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ต่างแยกย้ายกันไปมีครอบครัวใหม่ ส่วนวดีต้องไปอยู่ในความดูแลของพ่อที่มีเมียใหม่มีลูกใหม่ วดีเหมือนส่วนเกินในครอบครัวใหม่ของพ่อ ย่าจึงต้องมาเป็นผู้รับภาระเลี้ยงดูวดี ความสัมพันธ์ของวดีกับแม่เลี้ยงก็ไม่ค่อยดีนัก วดีเคยถูกแม่เลี้ยงตีอยู่ครั้งหนึ่งซึ่งยิ่งสร้างปมในใจให้กับวดีจนเธอยอมรับว่า “หนูเป็นเด็กขาดความอบอุ่น เวลาที่หนูมีปัญหาหนูก็ไม่รู้จะคุยจะปรึกษากับใคร แม่ก็อยู่ไกล ปีหนึ่งพ่อจะพาไปหาแม่ครั้งหนึ่ง”

การบ่มเพาะปัญหาทั้งความอ้างว้าง โดดเดี่ยวและขาดที่พึ่งทางใจ เพราะครอบครัวแตกแยก และรู้สึกเป็นส่วนเกินของครอบครัวตั้งแต่วัยเยาว์ของวดี นำไปสู่การต้องการความรักความอบอุ่นและการพึ่งพิงจากใครสักคน แม้ความรักนั้นจะออกมาในรูปแบบที่ต่างออกไปจากความรักของพ่อแม่และคนในครอบครัว ด้วยวัยเพียง 11 ปี วดีก็สนิทสนมกับ “เอก” เด็กชายข้างบ้านที่อายุน้อยกว่าเธอสองปี ความสนิทสนมในรูปแบบเพื่อนสนิทมาหลายปีได้กลายมาเป็นความรักแบบเด็กวัยรุ่นหนุ่มสาวเมื่อไรก็ไม่อาจรู้ได้ ทั้งคู่จึงแอบคบหากันแบบคู่รัก และไม่นานเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรก็ตามมา วดีและเอกไม่ใช่เด็กวัยรุ่นที่ไร้เดียงสาเสียจนไม่รู้วิธีการใช้เครื่องมือป้องกันการตั้งครรภ์ หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ดังนั้นทุกครั้งที่แอบมีอะไรกัน เอกก็จะใช้ถุงยางอนามัย แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งทีเผลอมีเพศสัมพันธ์กันโดยไม่ป้องกัน แต่วดีก็ยังรู้จักที่จะใช้การกินยาคุมฉุกเฉินแทน และแล้วหลังจากนั้นไม่นานประจำเดือนของวดีก็ขาดหายไป ...ใช่แล้ว... วดีท้องกับเอกเด็กวัยรุ่นข้างบ้านที่อายุได้พียง 15 ปี ซ้ำพ่อก็ยังมารู้ถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองคน พ่อซึ่งยังไม่รู้ว่าลูกสาวตนเองท้องต้องการตัดไฟแต่ต้นลม ทั้งที่ไม่ได้รู้เลยว่าไฟมันได้ไหม้ลามทุ่งจนเข้ามาในบ้านนานแล้ว พ่อจึงพยายามกีดกันบังคับและจะส่งวดีไปอยู่กับแม่เพื่อให้ห่างไกลจากเอก ก็คงเหมือนกับน้ำเชี่ยวแล้วพ่อเอาเรือไปขวาง การทะเลาะกันใหญ่โตและแตกหักจึงเกิดขึ้น วดีหนีออกจากบ้าน ยุติการเรียน มาทำงานหาเลี้ยงตนเองที่กรุงเทพ ฯ และเอกก็ตามมาอยู่ด้วยกัน แต่ชีวิตคู่ของวดีกับหนุ่มน้อยก็ไม่ได้ราบรื่นการใช้ชีวิตอยู่ในเมืองกรุงนั้นใม่ใช่ว่าจะใช้แค่ความรักและความใคร่ วดีทำงานรับจ้างเพียงคนเดียวรายได้จึงไม่พอจ่ายไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าห้อง เอกแก้ปัญหาด้วยการพาวดีไปอาศัยอยู่กับญาติของเขา แต่เอกไม่สามารถมาอยู่กับวดีได้เพราะเขาต้องไปเรียนและพ่อแม่ของเอกก็ไม่ยอมให้มาอยู่ด้วยกัน วดีจึงต้องอดทนอาศัยอยู่กับญาติของเอกทั้งที่ถูกเขารังเกียจ แรกๆ เอกยังพอจะมาหาวดีได้บ้างแต่ผ่านไปสักพักเอกก็ไม่มาหาวดีอีกเลยเพราะครอบครัวของเขากีดกันตัวเขาเองก็ยังเด็กไม่สามารถที่จะดูแลปกป้องคุ้มครองตนเองได้เลย วดีบอกว่า “เขาก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รับผิดชอบนะคะ แต่ว่าตัวเขาเองเขายังรับผิดชอบตัวเองไม่ได้เลย เขาก็ต้องเชื่อฟังพ่อแม่ของเขา ”

เมื่อวดีตั้งท้องได้ 4 เดือนก็ทนไม่ไหวต้องออกจากบ้านญาติของเอก กลับมาหาครอบครัวของตนเอง พ่อของวดีโกรธมากจึงได้ตามแม่ของวดีมาแก้ปัญหาด้วยการบังคับพาวดีไปทำแท้ง แต่เมื่อไปถึงคลินิกหมอตรวจแล้วบอกว่า วดีมีอายุครรภ์ได้สี่เดือนครึ่งแล้วไม่ควรทำแท้งให้แม่พาไปฝากท้องดีกว่า แม่จึงพาวดีกลับไปอยู่กับตนเองปัญหาน่าจะคลี่คลายไปในทางที่ดี แต่ก็ไม่ ...เพราะเมื่อมาอยู่กับแม่วดียังต้องมาถูกยายแท้ๆ รังเกียจ ยายรับไม่ได้จึงบังคับให้วดีไปทำแท้งยังสถานทำแท้งเถื่อนอีกแต่วดีกลัวว่าเธอจะตายทั้งแม่และลูกวดีจึงไม่ยินยอม ยายยังคงยื่นคำขาดให้วดีไปแก้ปัญหาของตนเองให้ได้ด้วยตัวเอง ยายไม่ให้วดีท้องโตไม่มีพ่ออยู่ที่บ้านเพราะอับอายคนอื่น วดีปาดน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาของตนเมื่อเล่าเรื่องราวมาถึงตรงนี้ วดีเหมือนคนที่หมดหนทางอยู่กับพ่อก็ไม่ได้ อยู่กับแม่ก็ไม่ได้ อยู่กับครอบครัวเอกก็ไม่ได้ วดีจะทำอย่างไร... วดีก็ยังคงเป็นส่วนเกินของทุกคน...

สำหรับวดีคนที่หมดหนทางจนคล้ายคนกำลังจมน้ำและใกล้จะหมดอากาศหายใจ และเหมือนมีคนมารั้งวดีขึ้นสู่ผืนน้ำเมื่อวดีก็ได้พบกับรุ่นพี่คนหนึ่งที่เคยมีปัญหาคล้ายคลึงกับวดี รุ่นพี่คนนี้จึงได้แนะนำให้วดีมาพักตั้งหลักและรอคลอดที่บ้านพักฉุกเฉิน วดีจึงเดินทางมาขอรับความช่วยเหลือที่บ้านพักฉุกเฉิน ตอนนี้วดีท้องเข้าสู่เดือนที่ห้า เจ้าหน้าที่บ้านพักฉุกเฉินได้พาวดีไปฝากท้องแล้ว สุขภาพของวดีและลูกแข็งแรงดี วดียังไม่รู้ว่าลูกเธอเป็นเพศอะไร วดีบอกว่าเธออยากได้ลูกชาย แต่ไม่ว่าจะเป็นเพศไหน เป็นเด็กผู้ชายหรือผู้หญิงวดีก็รักเพราะเขาคือลูกของวดี

วดีทอดสายตาเหม่อมองออกไปสู่เบื้องหน้าคล้ายจะส่งใจและสายตาไปให้ถึงคนในครอบครัวของเธอ และเธอก็ทิ้งท้ายการพูดคุยด้วยประโยคที่เราก็หวังให้เธอสมปรารถนาเช่นกัน...

“ตอนนี้หนูไม่หวังอะไรมาก เอกเขาก็รู้ว่าหนูมาอยู่ที่นี่แต่หนูก็ไม่คาดหวังอะไรจากเขาแล้ว ให้เขารับผิดชอบตัวเองให้ได้ก่อนเถอะ หนูหวังแค่ให้ที่บ้านหนู ให้พ่อ แม่ ยาย เขายอมรับลูกหนู เท่านี้ก็พอแล้ว”

ในชีวิตของคนเราเชื่อว่าแทบทุกคนต้องมีภูมิหลังที่มีปมในชีวิต มีการเดินปัดเป๋ก้าวพลาด ไม่ว่าจะมากบ้างน้อยบ้าง หลายคนที่มีครอบครัวซึ่งเป็นรากฐานอันสำคัญที่ช่วยประคับประคองให้รอดพ้นจากหลุมดำ หรือฉุดขึ้นมาจากหุบเหว แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ครอบครัวเป็นผู้ผลักหรือยืนดูเฉยๆ ให้คนเหล่านั้นตกลงไป และก็ยังมีอีกหลากหลายคนที่พยายามก้าวเดินและตะเกียกตะกายไปยังหนทางที่ดีแม้ไม่มีมือของใครคอยประคับประคอง ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามบ้านพักฉุกเฉินยังขอเป็นตัวเลือกหนึ่ง เป็นเชือกเส้นหนึ่งที่จะฉุดดึงเหนี่ยวรั้ง ผู้หญิงที่ประสบปัญหาท้องไม่พร้อม ด้วยความเข้าใจ เมื่อพลาดท้องไม่มีใครยอมรับไม่จำเป็นต้องทำแท้ง ไม่จำเป็นต้องทิ้งลูก ไม่จำเป็นต้องฆ่าลูก ให้รู้สึกผิดบาปและกลายเป็นแม่ใจร้ายอย่างที่มักถูกสังคมประณาม

หากผู้หญิงและเด็ก ท่านใดประสบปัญหาในชีวิต เช่น ความรุนแรงในครอบครัว ท้องไม่พร้อม ถูกข่มขืน หรือติดเชื้อ เอช ไอ วี สามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือได้ที่ สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ บ้านพักฉุกเฉิน 501/1 ซ.เดชะตุงคะ 1 ถ.เดชะตุงคะ แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ 10210 โทรศัพท์ 0 2929 2222 ตลอด 24 ชม. อีเมลล์: knitnaree@hotmail.com และ ในกรณีที่ท่านต้องการให้ความช่วยเหลือผู้หญิงและเด็กในบ้านพักฉุกเฉินสามารถติดต่อได้ที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ และหาทุน โทร. 0 2929 2301-3 ต่อ 109,113 หรือ 0 2 929 2308 อีเมลล์: admin@apsw-thailand.org

Facebook: สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯบ้านพักฉุกเฉินดอนเมือง www.facebook.com/apswthailand.org หรือ สามารถดูข้อมูลรายละเอียดผ่านทางเว็บไซด์สมาคม www.apsw-thailand.org